กระบองเพชร มีชื่อภาษาอังกฤษว่า แคคตัส (Cactus) มีข้อสันนิษฐานกันว่า เป็นพรรณไม้ที่เกิดขึ้นในยุค Tertiary ลักษณะของต้นกระบองเพชรในยุคนั้นมีลำต้น กิ่งก้าน และใบไม่ต่างจากต้นไม้ทั่วไป จนกระทั่งสภาพอากาศของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้กระบองเพชรต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยเปลี่ยนรูปทรงของลำต้นให้มีขนาดเล็ก สูงเรียว สามารถเก็บน้ำได้มาก เปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำและป้องกันสัตว์มากัดกิน และหยั่งรากตื้นเพื่อให้จับน้ำในอากาศได้ง่าย จึงทำให้ต้นกระบองเพชรสามารถเจริญเติบโตได้แม้ที่แห้งแล้งอย่างทะเลทรายส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ก่อนขยายไปยังแอฟริกาและทั่วโลก ซึ่งบางสายพันธุ์นั้นก็มีการพัฒนาให้สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างเช่นในประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเรียกกระบองเพชรอื่นว่า โบตั๋น หรือ ท้าวพันตา เชื่อกันว่าการปลูกต้นกระบองเพชรทิศตะวันตกจะนำโชคลาภมาให้ โดยเฉพาะผู้ที่สามารถปลูกกระบองเพชรให้ออกดอกสวยงามได้ และยังช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ป้องกันภัยอันตราย และเป็นที่เกรงกลัวของศัตรูอีกด้วย
กระบองเพชร มีชื่อภาษาอังกฤษว่า แคคตัส (Cactus) มีข้อสันนิษฐานกันว่า เป็นพรรณไม้ที่เกิดขึ้นในยุค Tertiary ลักษณะของต้นกระบองเพชรในยุคนั้นมีลำต้น กิ่งก้าน และใบไม่ต่างจากต้นไม้ทั่วไป จนกระทั่งสภาพอากาศของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้กระบองเพชรต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยเปลี่ยนรูปทรงของลำต้นให้มีขนาดเล็ก สูงเรียว สามารถเก็บน้ำได้มาก เปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำและป้องกันสัตว์มากัดกิน และหยั่งรากตื้นเพื่อให้จับน้ำในอากาศได้ง่าย จึงทำให้ต้นกระบองเพชรสามารถเจริญเติบโตได้แม้ที่แห้งแล้งอย่างทะเลทรายส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ก่อนขยายไปยังแอฟริกาและทั่วโลก ซึ่งบางสายพันธุ์นั้นก็มีการพัฒนาให้สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างเช่นในประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเรียกกระบองเพชรอื่นว่า โบตั๋น หรือ ท้าวพันตา เชื่อกันว่าการปลูกต้นกระบองเพชรทิศตะวันตกจะนำโชคลาภมาให้ โดยเฉพาะผู้ที่สามารถปลูกกระบองเพชรให้ออกดอกสวยงามได้ และยังช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ป้องกันภัยอันตราย และเป็นที่เกรงกลัวของศัตรูอีกด้วย
แคคตัสหูกระต่าย (Bunny Ear Cactus)
กระบองเพชรที่มีรูปทรงรียาวดูคล้ายกับหูกระต่าย มาจากตระกูลชื่อว่า โอพันเทีย (Opuntia) หรือชื่อของเขาเต็มๆ ก็คือ Opuntia microdasys แคคตัสในตระกูลนี้จะมีลำต้นกลมแบน มีหนามกระจายอยู่ทั่วผิว และขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ ส่วนการออกดอกจะใช้เวลานานหลายปี จนหลายคนคิดว่าสายพันธุ์นี้ไม่มีดอกซะแล้วแต่ถือว่าเป็นอีกต้นที่หลายคนนิยมเลี้ยงกันเยอะ เพราะหาซื้อไม่ยาก ดูแลง่าย แถมมีนำไปวางตรงไหนก็น่ารักดูดี
สกุลยิมโนคาไลเซียม
เป็นต้นกระบองเพชรสายพันธุ์หนึ่งที่นิยมเลี้ยงกันอย่างมาก ด้วยรูปทรงกลมและแบ่งเป็นพู สันหนามแยกออกจากกัน สิ่งที่ทำให้ต้นกระบองเพชรสายพันธุ์นี้โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบก็คือ สีของต้นที่มีหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะสีของต้นที่เป็นสีด่าง อย่างแคคตายิมโนดำแดง แคคตัสยิมโนสีมัลติ ยิมโนหัวสีเหลือง หรือยิมโนหัวสีแดง เลี้ยงง่ายในสภาพอากาศเมืองไทย แม้โดนแดดจัด ก็ยังสามารถเติบโตได้ดี
สกุลแอสโตรไฟตัม
อีกหนึ่งต้นกระบองเพชรที่หลายคนเทใจให้ก็คือ แคคตัสแอสโตรไฟตัม เป็นสกุลแคคตัสที่มีถิ่นกำเนิดมาจากอเมริกาเหนือ แบ่งออกได้อีก 6-7 ชนิด มีทั้งแบบที่มีหนามและไม่มีหนาม ความโดดเด่นของต้นกระบองเพชรสกุลนี้ก็คือ จุดสีขาวที่กระจายไปทั่วต้น ทำให้ดูคล้ายดวงดาว เป็นแคคตัสที่ไม่แตกกอ สามารถขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และออกดอกบนยอดบริเวณตุ่มหนาม
แนะนำ สแลนกันแดด หรือ ตาข่ายกันแดด ตัวช่วยบังแดด มีคุณสมบัติป้องกันแสงแดด และยูวีได้ดี สามารถใช้คลุมหลังโรงเรือนหลังคาโรงจอดรถ คลุมพืชผักสวนครัวต่างๆทาง SGETHAI ใช้วัตถุดิบอย่างดีในการเคลือบเงาทำให้สแลนกันแดดของที่นี่ใช้งานได้ยาวนาน
สกุลแมมมิลลาเรีย
สำหรับแคคตัสสกุลแมมมิลลาเรีย เป็นสกุลที่มีแคคตัสแยกออกไปอีกกว่า 400 ชนิด นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า “แมม” แล้วตามด้วยชื่อของชนิด มีหลากหลายรูปทรงแตกต่างกันออกไป บางชนิดเป็นทรงกลม บางชนิดเป็นทรงกระบอง หรือเป็นทรงแป้นก็มี สามารถขึ้นเป็นต้นเดี่ยวหรือแตกออกเป็นกอก็ได้เช่นกัน จุดเด่นของแคคตัสสกุลนี้ก็คือ ลักษณะของหนามที่ออกมาเป็นกลุ่ม หรือบางชนิดก็มีหนามหนา สานปกคลุมทั่วต้น ทำให้ดูเหมือนมีขนฟูสีขาว ต้นกระบองเพชรสกุลนี้ชอบแดดจัด ๆ และลมถ่ายเท
สกุลโครีแฟนทา (ช้าง)
ต้นกระบองเพชรตระกูลโครีแฟนทา คนไทยนิยมเรียกติดปากว่า “ช้าง” ซึ่งมาจากโครีแฟนทาชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Coryphantha Elephantidens ที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากลักษณะของหนามที่ปลายยอดคล้ายงาช้าง สีขาวอมเหลือง ทำให้คนไทยเรียกแคคตัสสกุลนี้ว่าช้างตามไปด้วย ความโดดเด่นของแคคตัสในสกุลนี้คือลักษณะของต้นที่จะเป็นเต้าหลาย ๆ เต้ารวมกัน และมีหนามออกบริเวณด้านบนของเต้า รวมไปถึงดอกของแคคตัสสกุลนี้ก็มีความสวยงาม มีทั้งสีขาวไปจนถึงสีชมพู และมีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนที่เลี้ยงต้นกระบองเพชร แถมปลูกง่าย แต่ควรอยู่ในที่อากาศถ่ายเทดี
แม้ว่าต้นกระบองเพชรจะเป็นพืชที่ทนต่อสภาพอากาศที่หลากหลาย และไม่จำเป็นต้องรดน้ำหรือให้ปุ๋ยบ่อย แต่การจะเลี้ยงแคคตัสให้เจริญเติบโต แข็งแรง มีดอกให้ได้ชม ต้องมีการสังเกตลักษณะของต้นด้วย การเลี้ยงเบื้องต้นควรดูเรื่องน้ำ อากาศ ดิน และแสงแดด
1. การให้น้ำ แม้แคคตัสจะทนแล้งได้ดี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องการน้ำเลย การรดน้ำต้นแคคตัส แนะนำให้นำกระถางไปใส่ไว้ในกะละมังที่มีน้ำ เพื่อให้ดินและรากค่อย ๆ ดูดความชื้นเก็บไว้ โดยตั้งทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนำกระถางออก แนะนำให้ทำทุก ๆ 3 วัน 2. แสงแดด ต้นกระบองเพชรชอบแดดจัด แต่แดดในเมืองไทยก็ถือว่าแรงเกินไปสำหรับต้นกระบองเพชรบางชนิด จนทำให้อาจเกิดอาการด่างแดดได้ ดังนั้นใครที่ปลูกไว้นอกบ้าน ควรปลูกให้โดนแดดประมาณ 80 เปอรเซ็นต์ หรือหากปลูกในบ้าน ให้สลับเอาออกไปตากแดด เพราะหากได้แดดไม่เพียงพอ ต้นจะโน้มหาแสง ทำให้ผิดรูปได้ 3. อากาศ ต้นกระบองเพชรสามารถอยู่ในที่อากาศร้อนจัดและเย็นจัดได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ แต่ควรตั้งไว้ในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับเกินไป 4. การให้ปุ๋ย ปุ๋ยที่เหมาะกับการให้ต้นกระบองเพชร หากต้องการให้ออกดอกดี แนะนำให้ใช้ปุ๋ยที่มี Phosphorus (P) สูง แนะนำให้ใช้เป็นปุ๋ยละลายน้ำจะดีที่สุด มาถึงตรงนี้คงจะเริ่มได้ไอเดียแล้วว่าจะเริ่มเลี้ยงต้นกระบองเพชรสายพันธุ์ไหนดี เพราะแต่ละสายพันธุ์แต่ละสกุลก็มีเอกลักษณ์และความสวยงามไม่เหมือนกัน ที่สำคัญสำหรับการเลี้ยงกระบองเพชรก็คือการรู้จังหวะการให้น้ำ การรับแสงแดด และควรวางไว้ในที่แดดส่องถึง
มาถึงตรงนี้คงจะเริ่มได้ไอเดียแล้วว่าจะเริ่มเลี้ยงต้นกระบองเพชรสายพันธุ์ไหนดี เพราะแต่ละสายพันธุ์แต่ละสกุลก็มีเอกลักษณ์และความสวยงามไม่เหมือนกัน ที่สำคัญสำหรับการเลี้ยงกระบองเพชรก็คือการรู้จังหวะการให้น้ำ การรับแสงแดด และควรวางไว้ในที่แดดส่องถึงc