สแลนบังแดด มีลักษณะเป็นผืน โดยสีส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นนั้นจะมีสีเขียว, สีดำ และสีฟ้า โดยมีคุณสมบัติในการกรองแสงพระอาทิตย์ ซึ่งส่วนใหญ่เกษตรกรจะนำไปใช้ในการกรองแสงแดดในการเพาะปลูก เพื่อไม่ให้พืชนั้นได้รับแสงมากจนเกินไป นอกจากนั้นสแลนบังแดดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะทำเป็นหลังคากันแดดเพื่อสร้างเป็นโรงรถ ที่จอดรถสำหรับร้านค้า ใช้กับโรงเลี้ยงไก่ โรงเพาะเห็ด โรงเรือนปลูกผัก โรงเรือนไม้ดอกไม้ประดับต่าง ๆ สามารถนำไปทำเป็นรั้วล้อมรอบบ่อเลี้ยงปลา ฟาร์มกุ้ง และสถานที่ก่อสร้าง นอกจากนี้ประโยชน์ของสแลนบังแดดนั้นยังสามารถช่วยปกป้องใบของพืช จากเม็ดฝนที่ตกลงมาได้อีกด้วย
สแลนบังแดด คือ อะไร?
สแลนกันแดด หรือบางบ้านเรียกว่า ตาข่ายกันแดด มีลักษณะเป็นตาข่ายผ้าใบผืนใหญ่ น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย มีความทนทาน ไม่ว่าจะติดตั้งแบบถาวร หรือชั่วคราว ราคาไม่สูง ดูแลรักษาง่าย และมีหลากหลายสีให้เลือกใช้งาน แต่ส่วนใหญ่ที่พบเห็นคือ สีเขียว สีฟ้า และสีดำ โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของสแลนกันแดด คือ ใช้เพื่อกรองแสงแดด เพื่อให้ปริมาณความเข้มข้นของแสงแดดในแต่ละวันลดน้อยลง โดยเฉพาะพื้นที่กลางแจ้ง อย่างโรงจอดรถ สวน Out Door บริเวณหน้าบ้าน พื้นที่จัดเก็บของ และโรงเรือนเพาะปลูกผัก
และไม่เพียงแต่นำไปติดตั้งเพื่อป้องกันแดดเท่านั้นนะครับ สแลนกันแดดยังสามารถนำไปใช้ล้อมเป็นรั้วรอบบริเวณที่ต้องการได้อีกด้วยครับ ซึ่งเกษตรกรนิยมใช้เพื่อการเพาะปลูกเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันแดดได้แล้ว ยังสามารถลดความแรงตกกระทบของฝนที่ตกลงมาได้อีกด้วยครับ
สแลนแต่ละสี แตกต่างกันอย่างไร?
สีของสแลนกันแดดนั้น มีให้เลือกทั้งสีดำ และ สีเขียว ทั้ง 2 สีนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของสีกับแสงที่ให้ความรู้สึก คือ สีดำจะไปตัดทอนค่าความยาวของคลื่นแสง แสงที่ลอดผ่านสแลนสีดำนั้นจะเป็นแสงสีขาวแบบที่เราเห็นทั่วไป แต่สแลนสีอื่นจะสะท้อนค่าความยาวของคลื่นแสงที่เป็นสีเดียวกับสีของสแลนนั้นดังนั้น ความแตกต่างของสีสแลนนั้น ยังไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ขึ้นอยู่กับผู้เลือกใช้มากกว่า
🌿 ซึ่งพืชต้องการแสงสีน้ำเงินและสีแดงเป็นหลัก ซึ่งรวมอยู่ในแสงสีขาวอยู่แล้ว ถ้าแสงสีเหล่านี้ถูกตัดทอนออกไปจะมีผลต่อการสังเคราะห์แสงจนถึงการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้สแลนสีเขียวมากกว่าสแลนสีดำ เพราะสแลนสีดำเก็บความร้อนได้ดีกว่าสีเขียว แต่ส่งผลระยะยาวคือ สแลนสีดำจะผุพัง เสื่อมสภาพเร็วกว่าสแลนสีเขียวนั่นเอง
สำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาสแลนไว้ใช้สำหรับบังแสงให้แปลงเพาะปลูก อาจต้องคำนึงถึงเรื่องช่วงวัยของพืชตามไปด้วย เช่น ช่วงเพาะและอนุบาลต้นกล้า จำเป็นต้องลดแสงแดดสูง จึงควรใช้สแลน 80% เพราะต้นไม้จะได้เติบโตได้ดี เมื่อต้นกล้าแข็งแรงดีแล้ว เราควรเปลี่ยนมาใช้สแลน 50% เพื่อเพิ่มปริมาณแสงแดดมากขึ้น เว้นแต่การเลี้ยงพืชที่ต้องการแสงรำไรในทุกช่วงวัย เช่น กล้วยไม้ เราควรใช้สแลน 80% ตลอดช่วงอายุ
ด้วยการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะให้ร่มเงาแก่แปลงพืชผัก แปลงดอกไม้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในการคลุมแปลงปลูก หรือทำเป็นรั้วแบ่งพื้นที่ในการทำปศุสัตว์และประมงต่าง ๆ เช่น บ่อกุ้งและบ่อปลา เพื่อให้ร่มเงาและป้องกันไม่ให้แสงแดดส่งผลกระทบต่อพันธุ์ปศุสัตว์ โดยเราสามารถเลือกอัตราการบังแสงให้เหมาะสมกับพืชหรือฟาร์มของเราโดยดูจากเปอร์เซ็นต์การกรองแสงที่ระบุมากับตัวสแลน โดยค่าเปอร์เซ็นต์ยิ่งสูง ยิ่งสามารถบังแสงได้มากขึ้น และยังสามารถเลือกคุณภาพความทนทานของสแลนได้จากฝีเข็มในการทอยิ่งใช้หลายเข็มยิ่งทนทานด้วย